เนื่องจากสังคมในขณะนี้ผู้คนโดยมากพึ่งเทคโนโลยีสำหรับเพื่อการดำเนินชีวิต สินค้าทางการเงินที่เรียกว่า “บัตรเครดิต”ก็เลยถูกปรับปรุงแล้วก็ชิงชัยกันอย่างไม่หยุดยั้ง ความรวดเร็วและก็สะดวกสำหรับเพื่อการทำธุรกรรมด้านการเงินแปลงเป็นจุดหมายหลักของผู้ใช้ ทำให้คุณลักษณะเด่นของบัตรเครดิต ซึ่งสามารถใช้แทนเงินสดสำหรับเพื่อการซื้อผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการดูเหมือนจะทุกที่แล้วก็ตลอดเวลา รวมถึงการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์และก็โทรศัพท์เคลื่อนที่ ง่ายเพียงปลายนิ้วคลิก เป็นสิ่งที่ตอบปัญหาไลฟ์สไตล์ของคนภายในยุคนี้
แต่ว่าการใช้ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตทุกต้นแบบนั้น พวกเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า “คือการใช้เงินอนาคต” เนื่องจากว่าได้แก่การใช้เงิน โดยยืมเงินมาจากแบงค์ที่อนุมัติและก็สามารถใช้ได้ตามวงเงินที่แบงค์ระบุแค่นั้น ก็เลยไม่น่าสนเท่ห์ใจใช่มั้ยขา หากแนวทางการพินิจอนุมัติบัตรเครดิตจะมีความรอบคอบมากยิ่งกว่าสินค้าด้านการเงินจำพวกอื่นๆ
“พนักงานประจำ” นับเป็นเป้าหมายหลักที่ดินแบงค์ตั้งมั่นจะเสนอขายสินค้าทางด้านบัตรเครดิต เพราะว่านอกเหนือจากจะมีรูปร่างที่มากแล้ว พนักงานประจำยังมีข้อดีตรงที่มี “สลิปค่าจ้างรายเดือน” เป็นหนังสือเบิกทางให้กับกระบวนการทำบัตรเครดิตดูเหมือนจะทุกจำพวก เนื่องจากสลิปค่าตอบแทนรายเดือนเป็นเครื่องการันตีถึงรายได้ที่แน่ๆ ก็เลยทำให้ไม่ยุ่งยากต่อการใคร่ครวญอนุมัติ แม้กระนั้นสำหรับคนไหนที่เลี้ยงชีพอิสระ หรือทำธุรกิจส่วนตัว ก็อย่าพึ่งจะรู้สึกอกน้อยใจไปจ้ะ เพราะเหตุว่าแม้ว่าจะไม่มีสลิปค่าจ้างรายเดือน แม้กระนั้นถ้าเป็นผู้มีรายได้ คุณเองก็สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ด้วยเหมือนกัน… ซึ่งวันนี้พวกเรามีกลเม็ดการสมัครบัตรเครดิตสำหรับคนที่ขาดเงินเดือน มาฝากกันจ้ะ
อันดับแรก… รู้ที่มาของรายได้ตัวเอง
แหล่งที่มารายได้ ของผู้ที่ไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือนจะไม่มีสลิปเงินเดือนเป็นเครื่องการันตี ดังนั้นเราต้องสามารถนำเสนอธนาคารได้ ถึงแหล่งที่มาของรายได้เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณา โดยที่มาของรายได้อาจแบ่งเป็น
- รายได้จากการเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนพาณิชย์ เช่น ประกอบธุรกิจค้าขาย ร้านค้าบริการ
- รายได้จากการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่จดทะเบียนพาณิชย์ เช่น หาบเร่แผงลอย
- รายได้จากการเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการที่จดทะเบียนนิติบุคคล เช่น ผู้ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ
- รายได้จากการประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ เช่น นักเขียน โปรแกรมเมอร์
อันดับที่สอง…เตรียมเอกสารให้เป็น
การทำบัตรเครดิต เอกสารสำคัญคือ สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน (สำเนาพาสปอร์ต สำหรับคนต่างชาติ) นอกจากนี้ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม โดยแยกตามแหล่งที่มาของรายได้ดังนี้
- รายได้จากการเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนพาณิชย์ เอกสารเพิ่มเติมคือ
- สำเนาการจดทะเบียนพาณิชย์
- สำเนา statement บัญชีที่ใช้ในธุรกิจ เพื่อแสดงรายรับรายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน
- รายได้จากการเป็นผู้ประกอบการที่ไม่จดทะเบียนพาณิชย์ เอกสารเพิ่มเติมคือ
- สำเนา statement บัญชีที่ใช้ในธุรกิจ เพื่อแสดงรายรับรายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน
- รายได้จากการเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการที่จดทะเบียนนิติบุคคล เอกสารเพิ่มเติมคือ
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
- สำเนา statement บัญชีที่ใช้ในธุรกิจ เพื่อแสดงรายรับรายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน
- รายได้จากการประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์
- สำเนา statement บัญชีส่วนตัว เพื่อแสดงรายรับรายจ่าย ย้อนหลัง 6 เดือน
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50) แสดงรายได้ปีล่าสุด
อันดับที่สาม…เคล็ดลับสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์
สำหรับอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ การยื่นเอกสารเพียง statement แสดงบัญชีรายรับรายจ่ายประกอบกับหนังสือรับรองการหักภาษี อาจไม่เพียงพอต่อการพิจารณา เพราะอาชีพฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่ไม่สามารถบอกถึงรายได้ที่แน่นอนในแต่ละเดือน ทำให้ธนาคารไม่สามารถกำหนดวงเงินในบัตรเครดิตได้ แต่ด้วยแนวโน้มของสังคมยุคเทคโนโลยี ที่วัยทำงานยุคใหม่เริ่มหันหน้าเข้าสู่การเป็นฟรีแลนซ์มากขึ้น ธนาคารส่วนใหญ่จึงเริ่มปรับตัวตาม เพื่อให้การทำบัตรเครดิตง่ายขึ้น ธนาคารจึงเสนอทางเลือกในการทำบัตรเครดิต “โดยใช้เงินฝากในการค้ำประกัน”
วิธีสมัครก็แสนง่ายเพียงคุณนำเงินออมไปฝากไว้กับธนาคารโดยสามารถเลือกได้ว่าจะฝากออมทรัพย์ ฝากประจำระยะเวลา 6 เดือน , 1 ปี หรือ 2 ปี โดยฝากเงินเป็นจำนวนเท่ากับวงเงินที่ต้องการใช้ในบัตรเครดิต (แต่ต้องไม่น้อยกว่าขั้นต่ำของที่ธนาคารกำหนด) ซึ่งข้อดีของการทำบัตรเครดิตวิธีนี้คือ
- ธนาคารอนุมัติบัตรเครดิตได้รวดเร็วขึ้นเพราะมีเงินฝากเป็นตัวค้ำประกันวงเงินในบัตร
- ได้ประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตพร้อมทั้งได้ดอกเบี้ยในบัญชีเงินฝากตามระยะเวลาที่เลือก
- สามารถเพิ่มวงเงินในบัตรเครดิตได้ โดยใส่เงินเพิ่มไปในบัญชีเงินฝาก
- เป็นการส่งเสริมวินัยในการออม เพราะคุณจะไม่สามารถถอนเงินฝากก้อนนี้ได้ จนกว่าจะยกเลิกบัตรเครดิต
เห็นมั้ยคะว่า แม้เราจะไม่มีสลิปเงินเดือนเป็นใบเบิกทาง แต่เราก็ยังสามารถทำบัตรเครดิตได้ ซึ่งทั้งง่ายและสะดวกรวดเร็วเหมือนกัน แต่ถึงแม้บัตรเครดิตจะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์มากมาย หากเราไม่มีวินัยในการใช้เงินก็อาจจะกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำบัตรเครดิตควรพิจารณาให้ดีถึงความจำเป็นในการใช้ อีกทั้งหากได้บัตรเครดิตมาแล้วต้องคำนึงถึงความสามารถในการชำระเงินและมีวินัยในการใช้จ่ายด้วย เพียงเท่านี้บัตรเครดิตก็จะเป็นเครื่องมือทางการเงินขั้นเทพที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่พร้อมจะก้าวไปสู่ “สังคมไร้เงินสด”